เมื่อเวลา 14.10 น.วันที่ 10 มกราคม พ.ต.ท.ธนพล โพธิดา รอง ผกก.จร.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุให้สกัดจับรถบรรทุกเทเลอร์ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 65 -2538 กรุงเทพฯ ตัวเทเลอร์ 64-2810 กรุงเทพฯ บรรทุกตู้คอนเทเนอร์สีน้ำเงิน แหกด่านที่ฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งมีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ที่ฝั่ง สปป.ลาว ก่อนที่จะมาแหกด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ผ่านด่านฝั่งไทย และด่านหนองสองห้อง อ.เมือง จ.หนองคาย เข้ามาใน พื้น ที่ จ.อุดรธานี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ , ศุลกากร , ตรวจคนเข้าเมือง และทางหลวง จาก จ.หนองคาย ติดตามมาถึงถนนวงแหวนอุดรธานีฝั่งตะวันออก
หลังจากได้รับแจ้ง พ.ต.ท.ธนพล จึงนำกำลังชุดจราจร และชุดสายตรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ไปสมทบกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยจาก จ.หนองคาย บริเวณถนนวงแหวนตะวันออก ก่อนถึงทางแยกบ้านหนองใส อ.เมือง จ.อุดรฯ โดยรถตำรวจทางหลวง สทล.3 กก.4 ได้ขับประกบบังคับให้ชะลอความเร็ว และปาดหน้าให้จอดบนไหล่ทางด้านซ้าย รถของศุลกากร จ.หนองคาย ขับประกบท้ายบังคับรถจอดไหล่ทางได้
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ได้เข้าควบคุมตัวโชเฟอร์ลงจากรถ ทราบชื่อภายหลังว่านายพิทยา วีระวงศ์ อายุ 49 ปี ชาว ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในเบื้องต้นได้พยายามขัดขืนเล็กน้อย จึงถูกเจ้าหน้าที่สวมกุญแจมือ โดยจะพูดอยู่ตลอดเวลา ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนเมาว่า รถคันนี้ขนยาบ้ามาเต็มรถ ถ้าเปิดออกมาแล้วไม่มี เอาตนเองไปฆ่าก็ได้ แต่ตนเองไม่ได้เสพยาบ้า โดยไม่ยอมให้เอาตัวไปควบคุมในรถสายตรวจ จะขออย่ายุ่งกับรถบรรทุกจนกว่าจะเปิดรถตู้สินค้าดู
นายพิทยา เปิดเผยว่า รถบรรทุกเป็นของ “เจ้ ลาดกระบัง” โดยได้รับคำสั่งมารับสินค้าที่แหลมฉบัง ในค่าจ้างตามปกติค่าน้ำมัน 10,000 บาท ค่าเดินทาง 4,000 บาท ขับรถเดินทางมากับเมีย ส่งให้เมียรออยู่ฝั่งๆไทย ตนเองขับรถข้ามไปส่งสินค้า ได้ผ่านการตรวจที่ฝั่งไทย และฝั่ง สปป.ลาวตามปกติ เมื่อออกจากด่านฝั่ง สปป.ลาว ได้วนรถกลับมาฝั่งไทย ฝ่าด่านที่ฝั่ง สปป.ลาว และมาฝ่าด่านที่ฝั่งไทย ด้วยเพราะกลับว่าจะถูกจับ
นายพัฒนพงศ์ ตันติวัฒนกุลชัย หน.ฝ่ายบริการเทคนิค สำนักศุลกากรหนองคาย เปิดเผยว่า ได้รับประสานจากด่านฝั่ง สปป.ลาว ว่ารถคันนี้ฝ่าด่านของลาวมา และก็มาฝ่าด่านของเราที่สะพานมิตรภาพอีก จึงประสานกับตำรวจติดตามมา เพื่อนำตัวและรถไปตรวจาสอบว่าฝ่าด่านเพราะอะไร เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าสินค้าเป็นอะไร เขาทำเอกสารเป็นสินค้าผ่านแดนมา แสดงในใบขนสินค้าจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง สำหรับความผิดที่แจ้งคือ ผิด พรบ.ตรวจคนเข้าเมืองก่อน เพราะกลับเข้ามาไม่ได้ประทับตราเอกสาร และยังไม่ตรวจเรื่องศุลกากรด้วย ส่วนสินค้าจะต้องพิสูจน์ว่าคืออะไร โดยจะนำกลับไปตรวจสอบที่ จ.หนองคาย
